top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนPrayoon Hongsathon

ระนาดเอกทางเปลี่ยน

ตอน 1 โปรเจ็กต์บ้าบออะไรอีก?

ตอน 1 โปรเจ็กต์บ้าบออะไรอีก?
ระนาดเอกทางเปลี่ยน

สันป่าตอง เชียงใหม่

‘โปรเจ็กต์บ้าบออะไรกันอีกเนี่ย’ ผมรำพึงหลังจากวางโทรศัพท์ซึ่งเพิ่งคุยกับเพื่อนมรดกใหม่ และไอ้โปรเจ็กต์อะไรสักอย่างที่เพื่อนเล่าให้ฟังนั้นก็ทำให้ในหัวของผมเต็มด้วยคำถาม

ผมจะเล่าให้ฟังอย่างไรดี.. คืองี้ เรื่องมีอยู่ว่า คุณติ้วเพื่อนผม หรือพี่ติ้ว-ครูติ้วที่ชาวคณะละครมรดกใหม่เรียกขาน โทรศัพท์มาชักชวนแกมบังคับให้ผมไปดูเด็กๆ ของบ้านเรียนละครมรดกใหม่เขาทำหนังกัน!


“ให้เด็กๆ ทำหนังน่ะนะ”

จำได้ว่าผมกระแทกเสียงกลับไปในสัญญาณโทรศัพท์

ภายหลังจากที่ติ้วเล่าโปรเจ็กต์สุดบ้าของพวกเขาให้ฟัง


“หนังที่พูดถึงนี่คือภาพยนตร์นะโว้ย

ไม่ใช่หนังควายจี่เด็กๆ จะไหวกันรึ”


“ยังไงเด็กๆ ก็ต้องทำให้ได้ โปรเจ็กต์นี้มันคือการฝึกเด็กให้เรียนรู้ทั้งกระบวนการ

ตั้งแต่ต้นจนจบเลยเชียวนะ”...


อย่างไรก็ตาม จากการสนทนากับเพื่อนติ้วผู้ชักแม่น้ำร้อยสายเพื่อให้ผมคล้อยตามและหลงตามไปดูโปรเจ็กต์บ้าบอของพวกมรดกใหม่ ก็ทำให้ผมผู้ซึ่งอาศัยอยู่เชียงใหม่จำต้องตีตั๋วรถทัวร์ลงไปยัง “ชุมชนและบ้านเรียนละครมรดกใหม่” ในที่สุด ชุมชนนี้ก็คือคณะละครมรดกใหม่นั่นแหละครับ ตั้งอยู่ย่านคลองหก ปทุมธานี เป็นชุมชนละครที่มีโรงเรียนแบบโฮมสคูลตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กไล่ขึ้นไปกระทั่งระดับวิทยาลัย หลักสูตรการเรียนการสอนผ่านการทำละคร พูดให้ฟังง่ายๆ แบบกำปั้นทุบดินก็คือ เป็นหลักสูตรเฉพาะของพวกเขานั่นเอง ก่อตั้งโดย ครูช่าง ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง นับแต่วันก่อตั้งจวบถึงวันนี้ก็ร่วมๆ 20 ปีให้แล้ว (ไว้มีจังหวะดีๆ ผมจะมาพูดให้ฟังแบบกำปั้นไม่ทุบดินก็แล้วกัน)

ตัดฉากมาที่โรงละครมรดกใหม่ คลองหก ปทุมธานี



ผมเดินทางมาถึงโรงละครมรดกใหม่

ตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเช้า ภายหลังจากลงรถทัวร์หน้าฟิวเจอร์รังสิต เรียกแท็กซี่แล้วทนนั่งฟังคนขับบ่นสารพันปัญหาของประเทศนี้โดยไม่ตอบโต้ใดๆ จนกระทั่งถึงโรงละครโดยสันติภาพ!

เดินตัวลีบๆ เข้าไปนั่งฟังเสียงระนาด เสียงฆ้องวง และสารพัดเสียงดนตรีซึ่งบรรเลงโดยบรรดาเด็กๆ ของชุมชนและบ้านเรียนละครมรดกใหม่ภายใต้เรือนชัชวาลย์อย่างเคลิบเคลิ้ม แม้จะตบตีกับฝูงยุงหัวรุ่งตัวเป้งๆ นั้นก็เถอะ ความจริงแล้ว บรรยากาศเยี่ยงนี้ตัวผมเองพอจะคุ้นเคยอยู่บ้าง ด้วยที่ว่าเพื่อนผมทำงานอยู่ที่นี่กันหลายคน พวกเขาอยู่โยงกันมานานนับสิบปี ทั้งคุณติ้ว คุณไก่ คุณจิ๊บ รวมถึงนายท่านลูกครูช่าง เป็นต้น ผมจึงแวะเวียนไปหาพวกเขาบ่อยๆ บางคราวก็แอบซุกเบียร์เข้าไปด้วย รอจังหวะครูช่างทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมจึงงัดเครื่องดื่มมีฟองออกมานั่งดวดกับมิตรสหายในมุมที่ลับตาพวกเด็กๆ อย่างเกรงใจ หรือหลายครั้งหลายหนผมก็ขอพักพิงหลับนอนและอาศัยข้าวน้ำเป็นเวลาหลายวันหลายคืนก็เคยมาแล้ว ดังนั้น เสียงการซ้อมดนตรี ซ้อมรำ ซ้อมละคร รวมทั้งการดริล(Drill)ยามเช้า จึงเป็นภาพที่ผมได้สัมผัสรับรู้อยู่พอสมควรดังที่เกริ่นไว้นั่นล่ะ



แต่ก็นั่นแหละครับ แม้พวกเขาจะเคี่ยวกรำทักษะและความรู้ด้านละครมาขนาดไหนก็ตาม แต่กับการต้องมาทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งนั้นมันไม่ง่ายแน่ๆ แม้คำว่าหนัง-ละคร จะฟังว่าคล้ายกัน แต่ศาสตร์การทำการสร้างนั้นมีรายละเอียดแตกต่างกันลิบลับ.. เช่นนี้แล้ว เด็กๆ น้องๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เรื่องการผลิตภาพยนตร์สักนิดเดียวจะทำได้อย่างไร อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้ผู้ใหญ่ที่เป็นครูของพวกเขาอย่างคุณติ้ว คุณไก่ คุณจิ๊บ กับการรับเป็นพี่เลี้ยงในโปรเจ็กต์บ้าบอนี้ พวกเขาเองก็คงบื้อรับประทานเช่นเดียวกันนั่นแหละ

แล้วนึกบ้าบออะไรถึงลุกขึ้นมาทำหนัง ทั้งหนังเรื่องที่พวกเขาจะทำก็เคยเป็นละครโทรทัศน์โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองมาแล้วในชื่อ “ระนาดเอก” ที่มี ศรัณยู วงศ์กระจ่าง และ สินจัย หงษ์ไทย แสดงนำ

ส่วนผู้กำกับการแสดงคือ ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง .. อ่อ หรือว่า ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง หรือครูช่างแห่งคณะละครมรดกใหม่ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของโปรเจ็กต์บ้าบอของเด็กๆ เที่ยวนี้ แต่เอ๊ะ เหมือนคุณติ้วจะบอกว่าหนังที่จะถ่ายทำนั้นชื่อ “ระนาดเอกทางเปลี่ยน” นี่นา อืม ครูช่างผู้เคยฝากฝีมือกับละครโทรทัศน์เรื่องเยี่ยมในวันโน้น มาวันนี้กลับจะคบเด็กสร้างบ้านเสียแล้วหรือนี่!? .. โอ้ เหล่าบรมครูทางดนตรีไทยทุกท่านเอ๋ย จากละครโทรทัศน์กระโดดมาเป็นภาพยนตร์ จากยุคอะนาล็อกสู่ยุคดิจิตอล ซึ่ง “ระนาดเอกทางเปลี่ยน” ของบรรดาเด็กน้อยที่รวมหัวริสร้างบ้าน มันจะเป็นไปได้เพียงใด ถ้าทำแล้วดี เด็กๆ ได้รับคำชื่นชม ผู้ใหญ่ผู้เฒ่าซึ่งคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็คงรอดตัว แต่หากล้มเหลวไม่เป็นท่าล่ะ เด็กๆ นั้นคงไม่มีใครว่าอะไรนัก แต่กับครูช่าง จะไม่โดนคนดูในยุคโซเชียลครองเมืองรุมถล่มจนถึงขั้นฟั่นเฟือนไปเลยหรือ..

นี่แหละครับที่บอกว่าในหัวผมเต็มด้วยคำถามหลังจากที่ได้ฟังเรื่องบอกเล่าจากคุณติ้ว..

การซ้อมวงปีพาทย์ยามเช้ายังดำเนินต่อไป เสียงฆ้องโหม่ง..โหม่ง..โหม่ง..คอยคุมจังหวะ ระนาดทุ้มสอดรับทางเพลงอยู่เบื้องหลัง ส่วนเสียงระนาดเอกนั้นกังวานกว่าเครื่องดนตรีอื่นใด บางจังหวะมันลำพองโลดเร้าเหลือเกิน ทว่าบางช่วงเหมือนพลังข้อมือคนตีถดถอย ปล่อยให้เนิบเนือยจนชวนง่วงหาวรับแสงตะวันที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า


แสงสว่างสาดไล่ความมืดสลัวจนพ้นไปจากเรือนชัชวาลย์ ผมรอจังหวะเหมาะควรแล้วเดินเข้าไปยกมือไหว้สวัสดีครูช่างและพี่จูซึ่งนั่งเคียงกันอยู่บนชานเรือนฟากหนึ่ง ส่วนคุณติ้ว คุณไก่ คุณจิ๊บ เดินดูเด็กๆ ที่กำลังฝึกรำกันอย่างทรมานบันเทิง ดุบ้าง หยอกบ้างตามแต่จังหวะ ใบหน้าของแต่ละคนดูสะลึมสะลือเหมือนยังไม่สร่างนอน เด็กน้อยบางคนถูกครูสอนแล้วสอนอีกก็ยังทำสิ่งง่ายๆ ไม่ได้ จนรุ่นพี่และครูของเขาต้องสบถใส่หลายครั้ง..

ผมนั่งดูภาพการฝึกทักษะด้านต่างๆ ภาพการดริลยามเช้าอยู่เงียบๆ ทว่าในใจกลับมีคำถามผุดขึ้นมามากมาย..นี่หรือวะ เด็กๆ ที่คุณติ้วบอกว่าพวกเขาจะทำหนังกัน..

‘โอ้ หนังภาพยนตร์นะโว้ย ไม่ใช่หนังควายจี่หยาบๆ เหนียวๆ ที่เป็นกับแกล้มของพวกขี้เหล้า’ ผมอดรำพึงในใจไม่ได้อีกแล้ว

เชิงอรรถ

*ละครเรื่องระนาดเอก – ถูกสร้างเป็นละครหลังข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ในปี พ.ศ.2528 นำแสดงโดย ศรัณยู วงศ์กระจ่าง สินจัย หงษ์ไทย ส.อาสนจินดา ครูบุญยงค์ เกตุคง และนักแสดงที่ล้วนเป็นนักระนาดชั้นครูตัวจริงเช่น ครูสนั่น ศิลปบรรเลง ครูนิคม สาคริก ครูเล็ก ชนะ ชำนิราชกิจ ครูป๋อม ชัยยุทธ โตสง่า ละครเรื่องนี้เขียนบทและกำกับการแสดงโดย ครูช่าง ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง

*บ้านเรียนละครมรดกใหม่ หรือ Moradokmai Homeschool จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับวิถีชีวิตและกลุ่มสาระการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยใช้ละครเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ มุ่งเน้นการนำศาสตร์ด้านการละครมาใช้ในการสร้างสรรค์สังคม ประสานสังคม และบ่มเพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า มีคุณภาพ มีการประกอบการเพื่อสังคมที่เหมาะสมกับบริบทของตนและชุมชน

*ชุมชนและบ้านเรียนละครมรดกใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ 25/9 หมู่ 5 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อตั้งโดย ครูช่าง ชนประคัลภ์ จันทร์เรือง

...................................................................................................................................................

About the Author

ประยูร หงษาธร : บรรณาธิการและผู้ก่อตั้ง สนพ.ปล่อยสำนักพิมพ์ สนพ.ที่มีคนรู้จักจำนวนหยิบมือ ผ่านมาหลายปีก็ยังคงพิมพ์หนังสืออย่างกระมิดกระเมี้ยน หนังสือเล่มหนึ่งเล่มเดียวที่เขาเขียนชื่อ “หนังเบิกฟ้า” ในหน้าสุดท้ายของหนังสือบอกว่า เขาเป็นมนุษย์เดินทางระยะใกล้คนหนึ่ง มีความสุขกับการได้อ่านหนังสือและอยู่ใต้ฟ้ากว้างๆ ตื่นรับแดดเช้าหอมๆ เคี้ยวอาหารช้าๆ เรียนรู้ในสิ่งแปลกต่าง ผ่านพบผู้คน บันทึก และนำมาบอกเล่าตามโอกาสอันควร

ดู 376 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page